โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่เกิดจากความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลง ซึ่งมีผลมาจากการที่โครงสร้างภายในของกระดูก ถูกทำลายหรือเกิดการสลายตัวจนทำให้เนื้อกระดูกมีลักษณะเป็นรูปพรุนคล้ายฟองน้ำเรียกลักษณะเช่นนี้ว่าภาวะ "กระดูกพรุน" ซึ่งจะมีผลทำให้กระดูกส่วนต่างๆมีโอกาสแตกหักได้ ง่ายกว่าภาวะปกติโดยเฉพาะบริเวณ กระดูกสันหลัง กระดูกสะโพกและกระดูกข้อมือ
ในทุกวันร่างกายของเราจะมีกระบวนการสร้างมวลกระดูกใหม่ และสลายมวลกระดูกที่หมดอายุออกไปตลอดเวลา โดยที่ผู้หญิงจะสูญเสียเนื้อกระดูกมากกว่าผู้ชายถึง 2-3 เท่าเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้นโดยในช่วงอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป หรือในช่วงวัยหมดประจำเดือน พบว่าปริมาณเนื้อกระดูกของคนวัยนี้ จะลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับคนวัยอื่น ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายซึ่งส่งผลต่ออัตราการสลายกระดูกการที่ปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงจากภาวะวัยหมดประจำเดือน ส่งผลให้มีการเร่งอัตราการสลายของมวลกระดูกมากกว่าการสร้างกระดูกใหม่ทำให้ปริมาณมวลกระดูกลดลงและโครงสร้างภายในของกระดูกถูกทำลายจนเกิดเป็นโรคกระดูกพรุนในที่สุด
สารอาหารสำหรับบำรุงกระดูกได้แก่
1.แคลเซี่ยม ในวัยผู้ใหญ่ที่อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ควรรับประทานแคลเซี่ยมให้ได้ 800 ถึง 1000 มิลลิกรัมต่อวัน แคลเซี่ยมเป็นแร่ธาตุที่มีมากที่สุดเป็นอันดับสามในร่างกายหน้าที่ของแคลเซี่ยม คือ ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ป้องกันภาวะกระดูกพรุน แหล่งอาหารที่อุดมด้วยแคลเซี่ยมได้แก่ นม โยเกิร์ต ถั่วเหลือง
2.แมกนีเซียม มีส่วนสำคัญในการผลิตพลังงาน สร้างโปรตีน และช่วยการหดตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งพบมากในถั่วต่างๆ ธัญพืชแป้ง และอาหารทะเล
3.ทองแดง แมงกานิส สังกะสี แร่ธาตุที่กล่าวมานี้จะเข้ามาช่วยในการทำงานของเอนไซม์ในกลไกการสร้างกระดูก และช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกสันหลังโดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งแหล่งอาหารที่อุดมด้วยแร่ธาตุเหล่านี้ ได้แก่ ถั่วเมล็ดแห้งถั่วลันเตา ธัญพืช ผักใบเขียวและอาหารทะเล
4.สารสกัดจมูกถั่วเหลือง ที่อุดมไปด้วยไอโซฟลาโวน มีผลต่อความแข็งแรงของกระดูกโดยตรง และช่วยลดการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ พบได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้ นมถั่วเหลือง เป็นต้น